ย้อนกลับไปเมื่อราวๆ 30 ปีก่อน ในปี ค.ศ. 1989 เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ของโซเวียต “Komsomolets” ได้จมลงที่ใต้ทะเลนอร์วีเจียน สังหารลูกเรือร่วม 42 นาย และเริ่มปล่อยสารกัมมันตรังสีลงสู่ท้องทะเล
ตั้งแต่วันนั้นมาเหล่านักวิทยาศาสตร์จากสถาบันวิจัยทางทะเลแห่งนอร์เวย์ (IMR) ก็ได้ทำการเฝ้าติดตามและเก็บตัวอย่างน้ำในพื้นที่รอบๆ เรือดำน้ำลำดังกล่าวมาตลอด
ที่นั่นพวกเขาได้พบว่าในปัจจุบันนั้นพื้นที่รอบๆ ท่อระบายอากาศของซากเรือดำน้ำ ได้มีการปนเปื้อน “ซีเซียม” โลหะกัมมันตภาพรังสีในปริมาณที่สูงกว่าปกติถึง 80,000 เท่า อ้างอิงจากตัวอย่างน้ำทะเลที่มาจากการสำรวจของ Ægir 6000 ยานพาหนะควบคุมระยะไกลของ IMR
นี่อาจจะเป็นตัวเลขที่ฟังดูน่ากลัวมากสำหรับหลายๆ คน แต่ทาง IMR เองก็ได้ออกมาให้ข้อมูลว่าตัวเลขที่เห็นนี้ ถือว่าอยู่ในระดับที่ “ยังไม่สูงมาก” และไม่เป็นอันตรายต่อธรรมชาติ
นั่นเพราะแม้ว่าน้ำที่พบจะมีปริมาณกัมมันตภาพรังสีอยู่ที่ 100 เบคเคอเรล/ลิตร ซึ่งมากกว่าประมาณกัมมันตภาพรังสีในน้ำทะเลทั่วไปซึ่งอยู่ที่ 0.0001 เบคเคอเรล/ลิตร แต่มันก็ยังถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าปริมาณซีเซียมที่ได้รับอนุญาตในอาหาร ซึ่งอยู่ที่ 600 เบคเคอเรล/กิโลกรัมอยู่ดี
นอกจากนี้เองหากพวกเขาเก็บตัวอย่างน้ำจากพื้นที่ซึ่งห่างจากท่อระบายอากาศของซากเรือดำน้ำเล็กน้อย ปริมาณของซีเซียมในน้ำเองยังมีการลดลงอย่างเห็นได้ชัดด้วย เป็นหลักฐานอย่างดีว่ากัมมันตภาพรังสีในเรือนั้นไม่ได้แพร่กระจายออกมารุนแรงอย่างที่ตัวเลขอาจจะทำให้หลายๆ คนกังวลนัก
อย่างไรก็ตามการตรวจสอบในครั้งนี้เองก็ใช่ว่าจะไม่พบอะไรที่ ผิดปกติเลย เพราะในระหว่างที่ตรวจสอบเรือดำน้ำอยู่นั้น Ægir 6000 ก็ได้พบกับ “ควัน” ประหลาดๆ ลอยออกมาจากท่อและตะแกรงของเรือดำน้ำด้วย แถมควันเหล่านี้ยังมีปริมาณกัมมันตภาพรังสีในระดับที่สูงมากด้วย
ในปัจจุบันยังไม่มีนักวิทยาศาสตร์ที่สามารถบอกได้ว่า ควันเหล่านี้นั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่ทีมสำรวจก็ตั้งข้อสันนิษฐานกันว่าควันเหล่านี้ อาจจะมีความเกี่ยวข้องกับปริมาณของซีเซียมที่สูงกว่าปกติของพื้นที่ก็เป็นได้
วิดีโอการเก็บตัวอย่างน้ำจากเรือ Komsomolets และควันสีขาวประหลาด
ด้วยเหตุนี้เองนักวิทยาศาสตร์จึงได้วางแผนที่จะตรวจสอบตัวอย่างที่ Ægir 6000 เก็บมาจากเรือดำน้ำอย่างละเอียดกันต่อไป โดยที่พวกเขาได้ยืนยันว่าในปัจจุบันน้ำรอบๆ เรือดำน้ำนั้น ยังไม่ได้ปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีในระดับที่อันตรายอย่างแน่นอน และพวกเขาเองก็จะทำการติดตามความเปลี่ยนแปลงของคุณภาพน้ำในพื้นที่กันต่อไป
ที่มา livescience และ cnn
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น