นักวิชาการบุกเข้าไปในถ้ำหมีเพื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่อุปกรณ์ติดตามตัวในช่วงเวลาจำศีลของมัน แต่พอเข้าไปถึงตัวก็ต้องเซอร์ไพรส์เพราะน้องหมีดันตื่นอยู่ ต้องวิ่งหนีตายเกือบเอาชีวิตไม่รอด!! จนได้ภาพเหตุการณ์ที่ถ่ายมาได้แบบประจวบเหมาะพอดี
ย้อนกลับไปในช่วงปี 2016 นักชีววิทยาสัตว์ป่าจากมหาวิทยาลัย Brigham Young University ได้เริ่มดำเนินโครงการเพื่อลดปัญหานักท่องเที่ยวถูกน้องหมีบุกรุกพื้นที่ตั้งแคมป์ ในเขตอุทยานแห่งชาติ Bryce Canyon ด้วยการติดปลอกคอ GPS ไว้ที่น้องหมีให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
จุดกางเต็นท์ ในอุทยานแห่งชาติ Bryce Canyon
ต่อมาในปี 2019 ก็มีการดำเนินการโครงการดังกล่าวต่อ โดยภารกิจในครั้งนี้ นักวิชาการจะต้องทำการเปลี่ยนแบตเตอรี่ปลอกคอของน้องหมีเพศผู้ตัวหนึ่ง และพวกเขาก็เลือกช่วงเวลาฤดูหนาว
ในวันเกิดเหตุก็คือช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปี 2019 นาย Jeff และ Jordan สองพี่น้องที่เป็นผู้ช่วยนักวิชาการ ได้ติดตามสัญญาณ GPS จนไปถึงหน้าโพรงถ้ำ ที่คิดว่าเจ้าหมีตัวดังกล่าวกำลังจำศีลอยู่ข้างในนั้น
โพรงถ้ำดังกล่าวถูกปกคลุมไปด้วยกอหญ้า และหิมะ มีลักษณะเป็นรูแคบๆ แต่ก็กว้างพอที่มนุษย์ผู้ใหญ่จะสามารถคลานเข้าไปได้
พวกเขาพยายามจับสัญญาณ GPS ที่อ่อนแรง แล้วก็ตามเข้าไป แต่จนแล้วจนรอดก็เจอแต่ความว่างเปล่า จนกระทั่งพระอาทิตย์ตกดินก็ยังไม่เจอหมี
ภาพประกอบบทความ ลักษณะโพรงของหมีที่เข้าไปจำศีล
และแล้วเหตุการณ์ที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้น ในอีกไม่กี่วินาทีต่อมา ขณะที่ค่อยๆ คลานเข้าไปในถ้ำที่มืดมิด พร้อมกับไฟฉาย อยู่ๆ แสงของไฟฉายก็ไปกระทบกับลูกไฟสีฟ้าสองดวง
ปรากฎว่านั่นเป็นดวงตาของหมี!! ตามแผนเดิมก็คือหากน้องหมีจำศีลอยู่ พวกเขาจะทำการฉีดยาสลบอย่างระมัดระวังแล้วทำการเปลี่ยนแบตเตอรี่ปลอกคอตรงนั้นเลย
ที่ต้องทำอย่างระมัดระวังก็เพราะว่า ในช่วงเวลาที่จำศีลของหมี จริงอยู่ว่าร่างกายของมันจะปรับอัตราการเผาผลาญพลังงานให้ลดต่ำลงกว่าครึ่ง แต่เมื่อพบว่ามีอันตรายเข้ามาถึงตัว พวกมันก็สามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว
แต่จากภารกิจดังกล่าวก็เกิดเรื่องที่น่าตกใจขึ้นเพราะมันไม่เป็นไปตามแผน น้องหมีตัวนั้นมันไม่ได้หลับจำศีล ยังคงลืมตา และจ้องมาที่พวกเขาอยู่
นาย Jeff เล่าว่าจำหมีตัวนี้ได้ เพราะเมื่อเกือบ 2 ปีที่แล้ว เป็นคนจับมันใส่ปลอกคอด้วยตัวเอง แต่ทว่าตัวของมันยังเล็กกว่านี้ราวๆ 2 เท่าได้ จากการคาดเดาในการเจอกันครั้งหลังนี้ น้ำหนักตัวของมันน่าจะอยู่ที่ 160 กิโลกรัมเลยทีเดียว
พอเจอเหตุการณ์ดังกล่าว ผู้ช่วยอีกคนที่คลานตามกันมาก็ไม่รอช้า กดชัตเตอร์แชะภาพไป 1 ช็อต จนกลายเป็นภาพสวยๆ ออกมา
ภาพจากเหตุการณ์จริง

เหตุการณ์หลังจากนั้นผู้ช่วยที่อยู่ด้านหน้า ก็บอกให้ผู้ช่วงที่อยู่ด้านหลังเตรียมยาสลบเผื่อไว้ เพื่อทำตามแผนเดิม แต่เจ้าหมีก็ค่อยๆ คลานออกมาหาพวกเขาจนทำให้ทั้งสองคนต้องคลานถอยออกมาจนถึงหน้าถ้ำ
เมื่อออกมาที่หน้าถ้ำได้แล้ว ทีมงานก็ช่วยกันเอากิ่งไม้ และกระเป๋าสัมภาระมาปิดทางออกเอาไว้ เพื่อไม่ให้เจ้าหมีออกมาได้ แต่ก็โดนใช้กำลังดันออกมาจนแตกพ่าย
เจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจยิงยาสลบใส่มัน แต่เจ้าหมีก็ยังไม่สิ้นฤทธิ์อาละวาดวิ่งไล่เจ้าหน้าที่ ทำให้พวกเขาต้องวิ่งหนีไปคนละทิศคนละทางเพื่อรอให้ยาสลบออกฤทธิ์
พอเวลาผ่านไปได้สักพักเจ้าหมีก็สงบลง เจ้าหน้าที่ได้ทำการเปลี่ยนแบตเตอรี่บนปลอกคอของมันได้สำเร็จ เมื่อทำภารกิจเสร็จสิ้นทุกคนก็แยกย้ายกันกลับโชคดีที่ไม่มีใครเป็นอะไร
เมื่อฤดูใบไม้ผลิมาเยือน เหล่านักวิชาการก็มาตรวจสอบสัญญาณ GPS ของเจ้าหมีตัวนี้ ก็พบว่ามันกลับไปใช้ชีวิตตามปกติของมัน ไม่พบเจอกับใคร โดยเฉพาะกับมนุษย์ ซึ่งก็เป็นไปตามที่นักวิชาการคาดหวังเอาไว้
แหม่ บอกเลยว่าเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นจริงๆ โชคดีที่ไม่มีใครได้รับอันตราย
เรียบเรียงโดย #เหมียวหง่าว
ที่มา : natgeo
Advertisement
0 Comments