“ไม่มีคนขับรถอยู่ ตอนที่เกิดเหตุชน” ตำรวจสืบสวนได้เผยต่อสื่อ ในการแถลงข่าวอุบัติเหตุรถ Tesla ชนเข้ากับต้นไม้ จนเกิดเพลิงลุกไหม้ โดยมีผู้เสียชีวิตลง 2 ราย
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ที่รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา ได้เกิดอุบัติเหตุรถชนอย่างรุนแรง จนทำให้รถเกิดเพลิงไหม้ขึ้น ทำให้ชายสองคนที่อยู่ในรถเสียชีวิต
แต่ความไม่ปกติของคดีนี้ Mark Herman ตำรวจผู้รับผิดชอบคดีได้เผยว่า จากหลักฐานทางกายภาพ และบทสัมภาษณ์ของผู้เห็นเหตุการณ์ ทำให้เจ้าหน้าที่เชื่อว่า
อุบัตินี้เกิดขึ้นโดยที่ไม่มีคนนั่งอยู่ที่เบาะคนขับ ขณะที่เกิดเหตุชน
สภาพของรถหลังเกิดการชนและถูกไฟไหม้
รถคันที่เกิดเหตุนั้นเป็น Tesla Model S รุ่นโมเดลปี 2019 ซึ่งตำรวจระบุว่าชายสองคนที่อยู่ในรถ วัย 59 และ 69 ปี นั้น คนหนึ่งนั่งอยู่ที่เบาะโดยสารด้านหน้า ส่วนอีกคนอยู่ที่เบาะด้านหลัง
ทำให้คาดว่า ทั้งคู่ได้ตั้งระบบให้ Autopilot ทำงานไว้ในขณะนั่งรถ เพราะเมื่อไม่กี่เดือนก่อน Tesla ได้มีการอัปเดตเฟิร์มแวร์ใหม่เข้ามา เรียกว่าระบบ Full Self-Driving
ที่สามารถทำให้ขับขี่เองได้แล้วในเขตตัวเมือง (จากเดิมที่ใช้ได้แค่บนทางด่วน) เพราะรถสามารถเลี้ยวรถที่สี่แยก เลือกเลนถนน รวมถึงอ่านสัญญาณไฟและป้ายจราจร ได้ด้วยตัวเองแล้ว หลังการอัปเดต
Tesla Model S
แต่ถึงอย่างนั้น ระบบดังกล่าวก็มีมาตรการความปลอดภัยติดตั้งเอาไว้อยู่ นั่นคือถ้าหากคนขับไม่จับพวงมาลัยเอาไว้ ระบบจะแจ้งเตือนขึ้นมา และถ้ายังไม่จับ รถก็จะค่อยๆ ลดความเร็วและจอดด้วยตัวเอง
แต่จากหลักฐานของตำรวจที่ระบุว่าไม่มีคนนั่งอยู่ที่เบาะคนขับตอนชนนั้น อาจเป็นเพราะเจ้าของรถ Tesla คันนี้ ใช้ช่องโหว่ของระบบอะไรบางอย่างก็เป็นได้
ตัวอย่าง การทำงานของระบบ Full Self-Driving รถ Tesla
ทั้งนี้ ทาง Tesla ยังไม่ได้ออกมาเปิดเผยอะไรเกี่ยวกับคดีที่เกิดขึ้น ทำให้ยังไม่รู้แน่ชัดว่า รถคันนี้มีการเปิดใช้งาน FSD จริงๆ หรือไม่ และทำอย่างไรถึงโกงระบบโดยไม่ต้องจับพวงมาลัยได้ (ไม่ได้นั่งเบาะคนขับเลยด้วยซ้ำ)
ซึ่งถ้าหากมีอัปเดตออกมาแล้วเราจะนำมารายงานให้ทราบกันอีกครั้งครับ
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น