สำหรับหลายๆ คน “กระต่ายขนนุ่มฟู” ถือเป็นหนึ่งในภาพลักษณ์ยอดนิยม ตัวแทนของความน่ารัก และน่าทะนุถนอม เป็นที่ชื่นชอบไปทั่วโลก
ทว่าในรัฐเวอร์จิเนีย ตำนานของ “Bunny Man” กลับเต็มไปด้วยความสยอง และแปลกประหลาดจนผู้คนไม่อาจมองกระต่ายให้น่ารักได้อีกต่อไป
ในวันที่ 19 ตุลาคม ปี 1970 ณ เมือง Burke รัฐเวอร์จิเนีย มีชายชื่อ Robert Bennett พร้อมด้วยคู่หมั้นกำลังขับรถไปตามถนนเพื่อเยี่ยมคุณลุง
ขณะที่จอดรถ ณ จุดหมาย พวกเขาสังเกตเห็นบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่นอกกระจก และอีกเพียงครู่เดียว หน้าต่างฝั่งผู้โดยสารก็ถูกทุบอย่างแรง พร้อมปรากฎร่างสีขาวที่เข้ามาประชิดรถโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
มันเป็นร่างของมนุษย์ในชุดสีขาว ที่มือของเขานั้นถือขวานอันใหญ่ พร้อมกับร้องใส่พวกเขาที่กำลังตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
“ออกไปซะ! พวกแกกำลังบุกรุกพื้นที่ของฉัน!!”
Robert ที่ตั้งสติได้ รีบบึ่งรถออกจากบริเวณนั้น ก่อนจะเหลียวหลังไปดูและพบว่ามนุษย์กระต่ายปริศนาได้หนีไปแล้ว ทิ้งไว้แต่ขวานที่ตกลงบนพื้น
หลังจากนั้น ทั้งคู่ได้เข้าไปแจ้งความที่สถานี ซึ่งทั้งคู่ต้องยืนยันซ้ำๆ ว่าสิ่งที่พบเจอนั้น คือมนุษย์ในชุดเสื้อผ้าสีอ่อน และดูเหมือนว่าจะมีอะไรบางอย่างบนศีรษะของเขา
แม้ว่าจะเจอเข้าแบบตัวเป็นๆ แต่เพราะความมืดจึงทำให้ไม่สามารถระบุอะไรได้มากนัก มีเพียงขวานที่เก็บได้ใช้เป็นหลักฐานแสดงว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริงๆ
ไม่นาน ได้มีการรายงานเหตุสุดพิลึกขึ้นอีกครั้งในวันที่ 29 ตุลาคมปีเดียวกัน
วันนั้น Paul Phillips เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของหมู่บ้านที่ยังสร้างไม่เสร็จ ใน Kings Park West ซึ่งใกล้กันกับจุดเกิดเหตุแรก ได้ออกตรวจตราตามปกติ
ณ บ้านหลังหนึ่งในโครงการที่เขารับผิดชอบ Paul พบร่างปริศนาในชุดกระต่ายสีเทา ดำ และขาว ซึ่งมีความสูงราวๆ 173 เซนติเมตร เมื่อเขาเข้าไปใกล้ ร่างนั้นกลับใช้ขวานสับที่เสาเฉลียงบ้าน พร้อมตะโกนเสียงดังว่า
“แกกำลังบุกรุกที่ของฉัน! ถ้าเข้ามาใกล้กว่านี้ฉันสับหัวแกแน่!!”
ในภายหลังร่างนั้นได้วิ่งหนีไป และ Paul ก็เข้าไปแจ้งความ เหตุการณ์นี้ทำให้ตำรวจนำทั้งสองคดีที่เกิดขึ้นไล่เลี่ยกันมาวิเคราะห์ และคาดว่าน่าจะเป็นชายคนเดียวกันที่ก่อเหตุ ทว่าเนื่องจากไม่มีหลักฐานเพิ่มเติมทำให้ในไม่ช้าก็ต้องปิดคดีไป
ในช่วงหลายสัปดาห์ให้หลัง มีผู้คนมากกว่า 50 รายอ้างว่าได้พบเห็น “Bunny Man” ตามท้องถนนในบริเวณใกล้เคียง ทำให้หนังสือพิมพ์หลายฉบับลงข่าวกันครึกโครม
จากเรื่องจริงที่เกิดขึ้น นำไปสู่ “ตำนาน” ที่มีการบิดเบือนเรื่องราวและสร้างความน่าสนใจไปทั่วทั้งรัฐเวอร์จิเนีย
ในปี 1973 Patricia Johnson นักศึกษาจากมหาวิทยาลัย Maryland ซึ่งให้ความสนใจในตำนานนี้เป็นพิเศษได้ตัดสินใจทำวิจัยเกี่ยวต้นตอของเรื่องราวทั้งหมด
เธอพบว่า หนึ่งในเรื่องเล่าที่ดูจะน่าเชื่อถือ คือ Bunny Man นั้นอาจเป็นคนไข้ที่หลุดมาจากโรงพยาบาลจิตเวชที่อยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุ
มีเรื่องเล่าว่าหลังโรงพยาบาลดังกล่าวต้องปิดตัวลง ได้มีการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยที่เหลือด้วยรถบัส ระหว่างทางเกิดอุบัติเหตุและมีหลายคนหลบหนีไป หนึ่งในนั้นชื่อว่า Douglas Grifon
เจ้าหน้าที่ได้เร่งออกตามหา Douglas ก่อนจะพบกับร่องรอยของกระต่ายที่ถูกจับกิน รวมถึงอีกจำนวนมากที่ถูกแขวนคอบริเวณ Fairfax Station Bridge สิ่งนี้เป็นสัญญาณที่ทำให้พวกเขาต้องรีบตามตัวคนไข้ดังกล่าวให้พบ
แต่หลังผ่านไปหลายเดือน ทุกอย่างกลับไร้ร่องรอย
จนกระทั่งในเช้าหลังวันฮาโลวีน มีการพบศพวัยรุ่นถูกแขวนคอเหมือนกระต่ายบริเวณสะพานเดียวกัน แม้จะไม่มีการยืนยันว่านี่คือเรื่องจริงหรือไม่ แต่มันก็นำไปสู่ตำนานเมืองที่ว่า
“หากคุณอยู่ที่สะพาน Bunny Man ตอนเที่ยงคืนของวันฮาโลวีน คุณจะต้องพบกับชะตากรรมเดียวกับกระต่ายและวัยรุ่นเหล่านี้”
ทุกวันนี้ สะพานดังกล่าวได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงสำหรับผู้ชื่นชอบเรื่องลึกลับและอยากจะท้าพิสูจน์ตำนานดังกล่าว
ในภายหลัง ได้มีการสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ Brian Conley ซึ่งเป็นผู้เก็บเอกสาร และทำงานเป็นนักประวัติศาสตร์ให้กับห้องสมุดท้องถิ่น
Brian เล่าว่า มีผู้คนมากมายเข้ามาสอบถามเข้าเกี่ยวกับตำนานของ Bunny Man ว่ามันเป็นความจริงหรือไม่ และเขาก็ตอบได้เพียงว่า.. “ไม่รู้”
สิ่งหนึ่งที่ตอบได้คือ มีบันทึกเกี่ยวกับการพบเจอ Bunny Man จริงๆ เพียง 2 เหตุการณ์ (เรื่องของ Robert Bennett และ Paul Phillips)
ทว่าหลังจากที่เกิดเรื่องเล่า ภายในระยะเวลาไม่กี่ปีตำนานนี้ได้ถูกบิดเบือนและแพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว โดยศูนย์กลางกระจายข่าวลืมมาจากเหล่าเด็กๆ ที่เล่าเรื่องนี้ในโรงเรียน
ทุกวันนี้ ตำนานของ Bunny Man ไปไกลเกินกว่าแค่เรื่องเล่าในท้องถิ่นแล้ว มีทั้งการทำของที่ระลึกขาย ไปจนถึงมีการนำเรื่องดังกล่าวไปสร้างเป็นแฟรนไชส์หนังสยองขวัญ
ไม่แน่ว่าหากคุณได้รับชมเรื่องราวเหล่านั้น อาจทำให้คุณมองกระต่ายเปลี่ยนไปด้วยก็เป็นได้
ที่มา:
– wamu
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น