เป็นเรื่องที่เราทราบกันว่า ตั้งแต่ที่เรือ RMS Titanic หรือที่เรียกกันด้วยชื่อสั้นๆ ว่า “เรือไททานิก” จมลงไปสู่ใกล้ทะเลในเหตุการณ์โศกนาฏกรรมเมื่อปี 1912
กาลเวลาก็ได้ผ่านพ้นไปกว่า 107 ปีแล้ว ถึงอย่างนั้นก็ตามซากเรือลำยักษ์ก็ยังคงหลับใหลอยู่ใต้สมุทรไม่เปลี่ยนแปลง
แต่แล้วเมื่อทีมนักสำรวจใต้ทะเลนำโดยคุณ Victor Vescovo ตัดสินใจส่งยานสำรวจดำน้ำลงไปลึก 3,810 เมตรเพื่อสำรวจซากเรือไททานิกอีกครั้ง
หลังจากไม่มีการสำรวจใดๆ มาตลอด 14 ปีที่ผ่านมา พวกเขาก็ได้พบกับความจริงที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่เกี่ยวกับซากเรือลำนี้จนได้
นั่นเพราะซากเรือที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มากๆ ในปัจจุบันกลับผุพังทรุดโทรมลงเป็นอย่างมาก และอาจพังทลายลงโดยสมบูรณ์ในอีกไม่นาน
อ้างอิงจากข้อมูลของทีมสำรวจ ชิ้นส่วนของเรือหลายส่วนเริ่มทรุดโทรมอย่างหนักจากการกัดกร่อนของเกลือ กระแสน้ำในมหาสมุทรลึก และจุลินทรีย์ใต้ท้องทะเลกัดกิน
โดยมีส่วนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดเป็นชิ้นส่วนฝั่งด้านขวาของเรือ เช่นห้องบนดาดฟ้า และห้องพักเจ้าหน้าที่เดินเรือระดับสูง
ความเสียหายทำให้พื้นที่หลายๆ ส่วนของเรือลำนี้ ได้สูญหายไปจากประวัติศาสตร์ไปโดยสมบูรณ์แล้ว รวมไปถึงอ่างอาบน้ำของกัปตันที่ปรากฎอยู่ในภาพถ่ายที่มีชื่อเสียงที่สุดของไททานิกด้วย
ภาพอ่างอาบน้ำของกัปตัน ซึ่งในปัจจุบันผุพังจนหายไปแล้ว
แต่แม้ว่าข่าวการทรุดโทรมลงอย่างมากของเรือไททานิกในครั้งนี้ จะสร้างความรู้สึกเสียดายให้กับหลายๆ คนก็ตาม แต่นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราทราบว่าเรือลำนี้กำลังจะถูกย่อยสลายกลับสู่ธรรมชาติแต่อย่างไร
นั่นเพราะในอดีตเอง คุณ Henrietta Mann หนึ่งในนักวิจัยแบคทีเรียที่กัดกินซากเรือไททานิก ก็เคยออกมาคาดเดาว่าเรือไททานิกนั้นน่าจะถูกย่อยสลายไปจนหมด ภายในปี 2030 มาแล้วเช่นกัน
ในปัจจุบันผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์เรือไททานิกล่มได้เสียชีวิตไปจนหมดแล้ว ดังนั้นการจะพูดว่าซากเรือเป็นพยานวัตถุโดยตรงชิ้นสุดท้ายที่เหลืออยู่ ก็คงไม่ใช่เรื่องที่เกินจริงเท่าไหร่เลย
ที่มา livescience, cnn, bbc และ cnet
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น