มันเป็นเรื่องที่ถูกพิสูจน์อยู่บ่อยครั้งว่า โลกของเรามีรูปร่างกลม แต่ถึงอย่างนั้นก็ตามเราก็ยังมีกลุ่มคนอยู่กลุ่มหนึ่งอยู่ดี ที่ปักใจเชื่อแบบสุดๆ ว่าโลกของเรานั้นแบน และพยายามหาหลักฐานมายืนยันแนวคิดของตัวเองด้วย
ดังนั้น เมื่อช่วงปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เราก็จึงได้มีคู่รักจากเวนิสคู่หนึ่ง ที่ตัดสินใจออกมาพิสูจน์ว่าโลกแบนกันอีกครั้ง แม้ว่าที่อิตาลีจะยังอยู่ในช่วงล็อกดาวน์ก็ตาม
โดยในคราวนี้พวกเขาเลือกที่จะเดินทางไปยัง “สุดขอบโลก” ด้วยเรือสถานที่ที่พวกเขาเชื่อว่า อยู่ที่ไหนสักแห่งใกล้ๆ แคว้นซิซิลี (ซึ่งเอาเข้าจริงๆ ไม่ได้ออกไปจากอิตาลีด้วยซ้ำ)
“ทั้งสองคนออกจากแคว้นเวเนโตในช่วงล็อกดาวน์ เพื่อไปยังเกาะลัมเปดูซา ซึ่งเป็นการละเมิดข้อจำกัดทั้งหมดในช่วงล็อกดาวน์เลย” นาย Salvatore Zichichi จากสำนักงานอนามัยการเดินเรือของกระทรวงสาธารณสุขกล่าว
“ดูเหมือนว่าสำหรับพวกเขาเกาะลัมเปดูซาจะเป็นจุดสิ้นสุดของโลก”
แน่นอนว่า อ่านมาถึงตรงนี้หลายๆ คนก็คงจะพอนึกภาพออกแล้วว่า การเดินทางในครั้งนี้จะต้องจบลงด้วยความล้มเหลวและผิดหวังเป็นแน่
นั่นเพราะไม่เพียงคู่รักคู่นี้จะเดินทางในช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดเท่านั้น แต่พวกเขายังขายรถทิ้งเพื่อซื้อเรือ เดินทางออกไปกลางทะเลโดยไม่มีผู้เชี่ยวชาญ
ใช้เข็มทิศ (อุปกรณ์ที่ทำงานโดยอาศัยหลักการที่ว่าโลกกลม) ในการนำทาง หลงทางจนต้องเคว่งคว้างอยู่กลางทะเลเป็นเวลานาน และในที่สุดก็ถูกน้ำซัดไปโผล่ที่เกาะอุสติกาอีกที
การกระทำของพวกเขาแน่นอนว่าทำให้ทางเจ้าหน้าที่ของเกาะอุสติกาต้องจับตัวทั้งคู่ไปกักตัวในทันที แต่แทนที่จะทำตัวสงบเสงี่ยม ทั้งสองก็ดันหนีออกไปล่องเรือหาขอบโลกอีกรอบเสียอย่างนั้น
แม้ว่าครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่จะไหวตัวทันและตามจับทั้งคู่ได้ในเวลาแค่ 3 ชั่วโมงก็ตาม
“ไม่กี่วันต่อมาพวกเขาก็พยายามหนีอีกครั้ง และไปลงเอยในบ้านของคนฟั่นเฟือน ที่อ้างว่าตัวเองเป็นโควิด นับว่าโชคดีของทั้งคู่จริงๆ ที่ชายคนดังกล่าวไม่ได้ติดโรคจริงๆ” นาย Salvatore อธิบาย
และด้วยความผิดพลาดในการเดินทางครั้งแล้วครั้งเล่าเช่นนี้ ในท้ายที่สุดคู่รักคู่นี้จึงได้แต่ต้องกลับมาเผชิญหน้ากับโลกแห่งความจริงอีกครั้งด้วยความสลดใจ
แม้ว่าเจ้าหน้าที่จะไม่ได้ระบุว่าพวกเขายังคงคิดว่าโลกแบนอยู่หรือไม่ก็ตามที
ที่มา iflscience และ repubblica
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น