ในวันที่ 23 พฤศจิกายน 2019 ที่ผ่านมา กระทรวงโบราณวัตถุของประเทศอียิปต์ ได้มีการออกมาเปิดเผยข่าวการค้นพบ มัมมี่สิงโต 2 ร่าง เป็นครั้งแรกของโลก ในแหล่งโบราณสถานที่เมืองซักคารา ตอนใต้ของกรุงไคโร
มัมมี่สิงโตที่ถูกพบทั้งสองร่างนี้ เป็นส่วนหนึ่งของมัมมี่สัตว์จำนวนมาก ที่ถูกค้นพบในช่วงปี 2018 ที่พีระมิดโจเซอร์ ซึ่งในเวลานั้น นักโบราณคดีได้มีรายงานข่าวการค้นพบมัมมี่ของแมว นก จระเข้ และรูปปั้นอื่นๆ กว่า 100 ชิ้นไปแล้ว
อ้างอิงจากรายงานการค้นพบ มัมมี่สิงโตทั้งสอง มีอายุอยู่ที่ราวๆ 2,600 ปี โดยมันมีขนาดค่อนข้างเล็ก ความยาวเฉลี่ยเพียงแค่ 1 เมตร ซึ่งเป็นหลักฐานอย่างดีว่า ในตอนที่โดนนำมาทำมัมมี่ สิงโตทั้งสองยังน่าจะเป็นเพียงลูกสิงโตอยู่เท่านั้น
คุณ Mostafa Waziri เลขาธิการสภาโบราณวัตถุสูงสุดของอียิปต์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการค้นพบในครั้งนี้ว่า นอกจากสิงโตที่พบแล้ว ในพื้นที่ใกล้เคียงกัน นักโบราณคดีก็ยังมีโอกาสพบกับมัมมี่แมวร่วม 20 ตัว และมัมมี่ของสัตว์ตระกูลแมวป่าขนาดใหญ่อีกเป็นจำนวนถึง 3 ตัวด้วย
น่าเสียดายที่ในปัจจุบันนักโบราณคดี จะยังไม่มีการยืนยันว่ามัมมี่ดังกล่าวเป็นของสัตว์ในตระกูลใดกันแน่ แม้ว่าพวกเขาจะคาดการว่ามัมมี่เหล่านี้ น่าจะเป็นของสัตว์อย่างเสือดำ เสือดาว หรือเสือชีตาห์ก็ตาม
นี่นับว่าเป็นการค้นพบที่น่าสนใจเอามากๆ เลยก็ว่าได้ เพราะการค้นพบในครั้งนี้ ถือว่าเป็นการค้นพบ ลูกสิงโตถูกนำไปทำเป็นมัมมี่ครั้งแรกของครั้งแรกของประเทศอียิปต์เลย (แม้ว่าในปี 2004 ทางอียิปต์จะเคยมีการค้นพบมัมมี่สิงโตที่โตเต็มวัยมาแล้วก็ตาม)
ทั้งนี้เองในปัจจุบัน มัมมี่สิงโตทั้งสอง และโบราณวัตถุอื่นๆ ที่ถูกค้นพบในพื้นที่เมืองซักคารา กำลังถูกนำมาจัดแสดงในนิทรรศการที่พีระมิดของฟาโรห์โจเซอร์ ภายใต้ความพยายามของภาครัฐในการกระตุ้นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่แม้จะสำคัญ แต่กลับซบเซาลงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ส่วนเหตุผลที่ชาวอียิปต์โบราณมีการใช้สัตว์ตระกูลแมวในการทำมัมมี่อย่างแพร่หลายนั้น เชื่อกันว่าเป็นเพราะสัตว์เหล่านี้ในอดีตเคยถูกมองว่ามีความเกี่ยวข้องกับเทพบัสเตตซึ่งมีส่วนศีรษะเป็นแมว ดังนั้นพวกมันจึงมักถูกนำมาทำเป็นมัมมี่ถวายเป็นเครื่องสักการะแก่เทพเจ้าไปนั่นเอง
ที่มา livescience, bbc และ foxnews
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น