CatDumb – แคทดั๊มบ์ | เล่าเรื่องน่าสนใจให้คุณฟังง่ายๆ พร้อมคอนเทนต์พิเศษบ้างเป็นบางเวลา…

เหตุใดขวดโชยุคิกโคแมนถึงมีสองรู? มันมีจุดประสงค์เพื่อใช้งานจริง คุมปริมาณเหยาะซอสได้

ตามบรรดาร้านอาหารญี่ปุ่นหรือใครที่เข้าครัวทำอาหารญี่ปุ่นกันบ่อยๆ มักจะต้องมีขวดโชยุติดเอาไว้เสมอ เปรียบได้เหมือนดั่งเครื่องปรุงหลักของการรับประทานอาหารญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้

แต่เคยสงสัยกันบ้างรึเปล่าว่าทำไมขวดโชยุถึงต้องมีรูทั้งสองด้านบนฝาขวดล่ะ? มันมีเอาไว้ทำอะไรกันแน่ ซึ่งต้องขอบอกเลยว่ามันไม่ได้มีมาเพื่อสงสัย แต่มันมีไว้เพื่อใช้งานจริงๆ นะ

 

 

การค้นพบจากรายการวิทยุของประเทศออสเตรเลีย ได้นำประเด็นนี้หยิบยกนำเสนอไปเมื่อไม่นานหลังจากที่ได้ลองให้พิธีกรผู้ดำเนินรายการได้ลองเหยาะโชยุออกจากขวดดู

Jason Hawkins พิธีกรดำเนินรายการวิทยุ Jase and PJ ได้ถาม Polly พิธีกรคู่ว่าเหตุใดขวดโชยุบางประเภทถึงมีรูเปิดทั้งสองด้าน? ซึ่งก็เพิ่งจะเปิดเผยความรู้ใหม่กันไปผ่านโซเชียลมีเดียอย่าง TikTok ด้วย

 

 

บางคนอาจจะคิดว่าสองรูดังกล่าวนั้นมีจุดประสงค์เพื่อใช้เหยาะทดแทนกันได้ ซึ่งในแง่ของการออกแบบดังกล่าวจุดประสงค์ของมันไม่ใช่เพื่อสิ่งนั้น…

เมื่อ Jason ลองให้พิธีกรคู่เหยาะโชยุลงแก้ว เธอก็สูญเสียการควบคุมปริมาณโชยุทันทีหลังจากที่เอียงขวดลง

 

คลิปการเปิดโลกเหยาะโชยุออกจากขวดคิกโคแมน

https://www.facebook.com/jaseandpj/videos/368927147433908/

 

เมื่อเขาเปิดเผยเทคนิคว่าให้ลองใช้นิ้วปิดรูอีกด้านหนึ่งของขวดโชยุและลองเหยาะอีกครั้ง ทำให้รู้แล้วว่ามันมีไว้ใช้เพื่อควบคุมปริมาณโชยุที่จะเทลงไปตามแรงกดของนิ้วนั่นเอง

 

 

ขวดโชยุอันโด่งดังของคิกโคแมนถูกคิดค้นโดยอดีตนายร้อยทหารเรือ Kenji Ekuan ในปี 1961 เขาได้เลือกเปลี่ยนเส้นทางอาชีพของตัวเอง หลังจากที่ได้เห็นการสูญเสียพี่สาวและพ่อในเมืองฮิโรชิม่า ระหว่างช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง

“ชีวิตที่เผชิญกับความว่างเปล่า ผมรู้สึกคิดถึงวัฒนธรรมอันดีงามของมนุษย์ ผมต้องการบางสิ่งที่จับต้องได้ ที่มองเห็นได้ หลังจากนั้นผมจึงตัดสินใจที่จะสร้างบางสิ่งขึ้นมา”

 

 

Kenji กับทีมงานใช้เวลาร่วม 3 ปีในการออกแบบขวดเหยาะโชยุทรงหยดน้ำตา พวกเขาทดสอบต้นแบบกว่า 100 แบบก่อนที่จะได้มาเป็นขวดโชยุที่มีใช้กันในปัจจุบัน

แม้ว่า Kenji จะเสียชีวิตไปในปี 2015 แล้ว แต่ทางบริษัทเองก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบขวดโชยุคิกโคแมนในช่วง 50 ปีที่ผ่านมาเลย

 

ที่มา: @jaseandpj, nytimes, gizmodo


Posted

in

,

by

Tags:

Comments

ใส่ความเห็น