ย้อนเวลากลับไปในช่วงเดือนพฤศจิกายนของปี ค.ศ. 2004 เรือมิสไซล์ของสหรัฐฯ ได้ทำการตรวจพบวัตถุประหลาดบนเรดาร์ ในขณะที่ลอยลำอยู่ห่างออกไปจากชายฝั่งแคลิฟอร์เนียตอนใต้ราวๆ 160 กิโลเมตร
การค้นพบในเวลานั้น ทำให้ทางกองทัพเรือตัดสินใจนำเครื่องบินเจ็ทบินหลายลำเข้าสำรวจวัตถุสุดแปลกประหลาดนั้น และทำให้นักบินจำนวนหนึ่งมีโอกาสจับภาพของวัตถุปริศนานี้ไว้ได้ ทั้งในแบบภาพถ่าย และวิดีโอ
น่าแปลกที่ในเวลานั้น ไม่มีข่าวการค้นพบ UFO ใดๆ ถูกเปิดเผยออกมาให้แก่สาธารณชนเลย จนกระทั่ง ในปี 2017 ซึ่งภาพดังกล่าวได้ถูกนำออกมาเปิดเผย โดยสำนักข่าว New York Times และบริษัท To The Stars Academy of Arts & Science
และแล้ว เมื่อล่าสุดนี้เอง ไม่นานหลังจากที่มีข่าวกองทัพเรือสหรัฐฯ ออกมายอมรับว่าวิดีโอที่ออกมาเป็นของจริง เราก็มีข่าวเจ้าหน้าที่กองทัพเรือ 5 นายที่มีส่วนร่วมในการจับภาพของวัตถุปริศนาชิ้นนี้ ออกมาเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมว่า
ที่ข่าว UFO ถูกเปิดเผยออกมาช้าขนาดนี้ เป็นเพราะหลังจากที่พวกเขาพบ UFO ได้ไม่นาน มี “บุคคลปริศนา” ปรากฏตัวขึ้น และสั่งให้พวกเขามอบข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับ UFO ที่พบ ทั้งที่เป็นภาพ ข้อมูล และวิดีโอให้
อ้างอิงจากคำบอกเล่าของคุณ Gary Voorhis ผู้เป็นหนึ่งเจ้าหน้าที่บนเรือในเหตุการณ์
ไม่นานหลังจากที่พวกเขาทำการบันทึกสัญญาณวิทยุปริศนาของสิ่งที่พบ ก็ได้มีเหตุบุคคลปริศนา 2 รายเดินทางลงมายังเรือด้วยเฮลิคอปเตอร์ ก่อนที่ 20 นาทีหลังจากนั้น สายบังคับบัญชาของเขาก็บอกให้ Voorhis ลบข้อมูลทั้งหมดที่บันทึกได้ออกจากเรือไป
คำบอกเล่าของคุณ Voorhis นั้น สอดคล้องกับเจ้าหน้าที่เทคนิคอีกคนอย่างคุณ Patrick “P.J.” Hughes มาก ซึ่งในกรณีของคุณ Hughes เขาเล่าว่าตัวเองถูกผู้บังคับบัญชากับชาย 2 คน สั่งให้มอบฮาร์ดไดรฟ์จากเครื่องบินให้
วิดีโอของ UFO ที่ถูกเผยแพร่ในปี 2017 จากบริษัท To The Stars Academy of Arts & Science
อย่างไรก็ตาม คำพูดของเจ้าหน้าที่ทั้งสองคนนี้ขัดแย้งกับที่คุณ David Fravor หนึ่งในนักบินที่อ้างตัวว่ามีโอกาสเข้าใกล้ UFO ที่สุดมาก เพราะคุณ Fravor ได้กล่าวเอาไว้ว่า ที่ข้อมูลของ UFO หายไปนั้นเกิดขึ้นจากความผิดพลาดบันทึกข้อมูลอื่นทับไปเท่านั้น ไม่ใช่เพราะ “ชายชุดดำ” อย่างที่เจ้าหน้าที่ทั้งสองอ้าง
แต่แม้ว่าจะมีจุดที่ไม่ตรงกันอยู่บ้างก็ตาม เราก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ทุกๆ คนที่อยู่ในที่เกิดเหตุล้วนแต่ออกมาอ้างหรือยอมรับว่าตัวเองนั้น ได้พบกับวัตถุประหลาดในวันนั้นจริงๆ
ส่วนเรื่องราวที่ว่าตัวจริงของวัตถุบินได้ลึกลับที่พวกเขาเจอ จริงๆ แล้วคืออะไรนั้น แม้แต่ในปัจจุบันก็ยังคงเป็นปริศนาที่ไม่มีใครออกมายืนยันแต่อย่างไร
ที่มา livescience, cnn และ popularmechanics
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น