นี่อาจจะถือว่าเป็นข่าวที่ดีมากๆ และอีกก้าวสำคัญของการต่อสู้กับโรคร้ายที่กำลังระบาดในปัจจุบันเลยก็ได้ เมื่อล่าสุดนี้เอง สถาบันสุขภาพแห่งชาติของสหรัฐอเมริกาได้มีการออกมาประกาศว่า
พวกเขาได้ทำการทดลองวัคซีนโควิด-19 ในมนุษย์ครั้งแรกแล้ว เมื่อช่วงวันที่ 16 มีนาคม ค.ศ. 2020 ที่ผ่านมา
การทดลองในครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้ความร่วมมือกันระหว่างทางสถาบันสุขภาพแห่งชาติของสหรัฐอเมริกาเอง บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพโมเดอร์นา เทอราพิวติกส์ และสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติ (NIAID)
อ้างอิงจากรายงานของ NIAID งานวิจัยในครั้งนี้ จัดขึ้นที่สถาบันวิจัยสุขภาพ “Kaiser Permanente Washington” ในซีแอตเทิล โดยในงานวิจัย นักวิทยาศาสตร์จะฉีดวัคซีนชื่อ “mRNA-1273” ให้แก่อาสาสมัคร 45 คน ซึ่งมีอายุตั้งแต่ 18-55 ปี เป็นจำนวน 2 ครั้ง ในเวลาต่างกัน 28 วัน ก่อนจะเฝ้าดูอาการต่อไปในระยะยาว
งานวิจัยชิ้นนี้ ในเบื้องต้นถูกวางกำหนดการไว้ว่าจะกินเวลาทั้งสิ้นราวๆ 6 สัปดาห์หลังจากนี้ โดยทางทีมนักวิทยาศาสตร์จะทำการติดตามอาการและเก็บข้อมูลจากอาสาสมัคร ในขณะที่เฝ้าระวังอาการข้างเคียงไม่พึงประสงค์อย่างอาการไข้ หรือการแพ้ไปด้วย
นี่นับว่าเป็นการทดลองวัคซีนในมนุษย์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ เนื่องจากทาง NIAID ได้ตัดสินใจว่าความต้องการวัคซีนตัวนี้ ในปัจจุบันถือว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างเร่งด่วน
ดังนั้นตัววัคซีนจึงถูกข้ามขั้นตอนการทดลองดูปฏิกิริยาในสัตว์ไป เพื่อให้วัคซีนสามารถออกสู่ตลาดให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
คุณ Jennifer Haller คุณแม่ลูกสองผู้เป็นอาสาสมัครคนแรกที่เข้ารับการฉีดวัคซีน mRNA-1273
แต่ทั้งนี้เองแม้ว่าวัคซีน mRNA-1273 จะเข้าสู่การทดลองในมนุษย์แล้วก็ตาม การทดลองดังกล่าวก็ยังคงเป็นเพียงการทดลองในมนุษย์ระยะแรกเท่านั้น ดังนั้นต่อให้การทดลองในครั้งนี้เป็นไปด้วยดี วัคซีน mRNA-1273 ก็ยังคงจำเป็นที่จะต้องผ่านการทดลองเพื่อความปลอดภัยอื่นๆ อีกถึง 3 ขั้นตอน
ดังนั้นกว่าที่วัคซีนตัวนี้จะได้รับอนุญาตให้ใช้งานในทางสาธารณะจริง เราก็ยังอาจจะต้องรอกันอีกเป็นเวลาตั้งแต่ 8-12 เดือนเลยอยู่ดี
ที่มา livescience, nytimes และ bbc
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น