ย้อนกลับไปในเมื่อวันที่ 23 เมษายน ค.ศ. 1945 ในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่สอง เรือลาดตระเวน USS Eagle PE-56 ได้ถูกเรือดำน้ำจู่โจมจนอับปาง และกลายเป็นหนึ่งในเรือกลุ่มสุดท้ายที่ตกเป็นเหยื่อของนาซีในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองไป
เรือ USS Eagle PE-56 ถูกค้นพบอีกครั้งเป็นครั้งแรกด้วยระบบโซนาร์ใต้น้ำลึก 80 เมตร นอกชายฝั่งรัฐเมนเมื่อเดือนมิถุนายน 2018 และถูกค้นพบชิ้นส่วนครบทั้งลำโดยสมบูรณ์ในเดือนพฤษภาคม 2019
ดังนั้นเพื่อที่จะยืนยันว่าสิ่งที่นักสำรวจพบเป็นชิ้นส่วนของเป็นเรือ USS Eagle PE-56 จริงๆ ทีมนักดำน้ำที่นำโดย Ryan King จึงตัดสินใจที่จะดำน้ำลงไปจับภาพของซากเรือใต้น้ำด้วยตัวเองเสียเลย
นอกจากการยืนยันได้ว่าซากเรือที่จมอยู่ใต้ทะเลเป็น USS Eagle PE-56 จริงๆ ไม่เป็นการระบุผิดตัว ก็มีโอกาสได้พบกับวัตถุโบราณในเรือเป็นจำนวนมาก ซึ่งรวมไปถึงโครงกระดูกมนุษย์ และรองเท้าของลูกเรือที่เคยปฏิบัติการอยู่บนเรือด้วย
เดิมทีแล้วเรือ USS Eagle PE-56 เคยถูกเชื่อว่าจมไปเพราะเหตุการณ์หม้อน้ำบนเรือระเบิด อย่างไรก็ตามในปี 2001 ทางกองทัพเรือสหรัฐฯ กลับมีการออกมาเปิดเผยว่าเรือลำนี้ถูกจมลงใต้ทะเลด้วยตอร์ปิโดของฝั่งนาซี
และเมื่อทีมสำรวจของคุณ Ryan ได้ทำการลงไปสำรวจสภาพเรืออย่างใกล้ชิด พวกเขาก็ได้ช่วยยืนยันอีกเสียงว่า การเปิดเผยของกองทัพเรือสหรัฐฯ เป็นความจริงที่ถูกต้อง
.
“ในตอนที่ตอร์ปิโดระเบิด (เรือ USS Eagle PE-56) เธอแตกออกเป็นสองท่อน” คุณ Ryan อธิบาย “มีลูกเรือเพียงคนเดียวที่สามารถหนีออกไปจากส่วนหัวเรือได้ ในขณะที่อีก 12 คนหนีออกจากส่วนท้ายเรือ”
เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ลูกเรือ 49 คน จากทั้งหมด 62 คนต้องจบชีวิตลง และจมลงไปพร้อมๆ กับเรือ ทำให้ซากเรือลำนี้ราวกับว่าเป็นสุสานใต้น้ำก็คงไม่ผิดนัก
“‘มันเป็นประสบการณ์ที่ทำให้คุณรู้สึกหดหู่มากเมื่อลงไปที่นั่น เพราะคุณไม่ได้แค่ลงไปบนซากเรือ แต่คุณกำลังลงไปเยี่ยมในสุสานในเวลาเดียวกัน”
ที่มา dailymail, foxnews และ smithsonianchannel
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น