เพื่อนๆ เคยได้ยินเรื่องราวของ “ศาลประชาชน” หรือ “Volksgerichtshof” แห่งพรรคนาซีกันไหม?
นี่คือศาลที่ถูกก่อตั้งขึ้นครั้งแรกในปี 1934 เพื่อเป็นหลักฐานชัยชนะของพรรคนาซีต่อกฎหมายเก่าแก่ของประเทศ ตามคำสั่งของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ซึ่งในเวลานั้นไม่พอใจการพิจารณาคดีวางเพลิงอาคารไรชส์ทาค ซึ่งมีหนึ่งในผู้ต้องหาพ้นผิดได้
ในช่วงแรกๆ ของการจัดตั้งศาลประชาชน ศาลแห่งนี้อาจจะฟังดูเป็นสถานที่ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อไม่ให้มีผู้ต้องหาพ้นโทษที่ตัวเองทำได้อีกต่อไป แต่ด้วยความที่ตัวศาลนี้มีอำนาจค่อนข้างมาก แถมยังเป็นศาลที่ถูกตั้งขึ้นโดยระบบการปกครองแบบเผด็จการ มันจึงทำให้ไม่นานนัก ศาลแห่งนี้ก็กลายเป็นเพียงอีกหนึ่งในเครื่องมือของพรรคนาซีไป
ความสกปรกและมืดมิดของศาลประชาชนแห่งเยอรมัน ถูกแง้มออกมาให้เห็นในช่วงปี 1938-1939 ซึ่งศาลแห่งนี้เริ่มได้รับอำนาจที่จะตัดสินคดีทุกประเภท จนแม้แต่คดีเล็กๆ หรือคดีของเด็ก ก็สามารถตัดสินในศาลแห่งนี้ได้
นับแค่อำนาจในจุดนี้ของศาล มันก็แสดงให้เห็นถึงความน่ากลัวอย่างไม่น่าเชื่อของศาลแห่งนี้ได้ไม่ยากเลย แต่นี่ก็ยังไม่ถือว่าเป็นจุดที่เลวร้ายที่สุดของศาลแห่งนี้แต่อย่างไร
สิ่งที่ทำให้แสงสุดท้ายของกระบวนการทางกฎหมายของศาลประชาชนหายไปนั้น เกิดขึ้นในปี 1942 เมื่อ “โรลันท์ ไฟรส์เลอร์” ผู้ได้รับความไว้วางใจจากฮิตเลอร์มากที่สุดคนหนึ่ง ได้ขึ้นรับตำแหน่งประธานผู้พิพากษาของศาลแห่งนี้
นั่นเพราะเมื่อไฟรส์เลอร์เข้าได้รับตำแหน่ง เขาก็ได้เข้าทำการปฏิรูปกฎหมายใหม่ให้เหมาะสมกับแนวคิดของทางนาซีมากขึ้นในทันที ไม่ว่าจะเป็นการบอกว่าการเป็นฆาตกรนั้นเป็นสิ่งที่ติดตัวมนุษย์มาตั้งแต่เกิด ซึ่งก็แน่นอนว่ามีชาวยิวและคนต่างชาติพันธุ์เป็นแพะรับบาปหลักๆ หรือกฎหมายเอาผิดทางการเมืองเพื่อทำลายศัตรูของนาซี
และก็ด้วยความที่ว่านี่เป็นกฎหมายในช่วงสงคราม ศาลประชาชนมีอำนาจถึงขนาดที่ว่าสามารถตัดสินโทษตายให้ใครก็ได้ แม้ความผิดแค่รูปร่างเข้าข่าย “คนเลว” หรือเป็น “กบฏ” ซึ่งก็แน่นอนว่าไฟรส์เลอร์นั้น ไม่ได้กลัวที่จะใช้กฎหมายที่ว่านี้แบบสุดโต่งเลย
ขั้นตอนการตัดสินโทษของศาลประชาชนในช่วงหลังนั้น เรียกได้ว่าไร้ซึ่งความยุติธรรมโดยสิ้นเชิง เพราะบ่อยครั้งการตัดสินจะเกิดขึ้นแบบรวบรัดเอามากๆ ถึงขั้นที่ว่าหลายครั้ง จำเลยจะไม่มีโอกาสได้พูดแก้ตัวใดๆ เลย ทั้งๆ ที่โทษของพวกเขาอาจรุนแรงถึงขั้น “ประหารชีวิต”
นักประวัติศาสตร์ได้มีการบันทึกไว้ว่าตั้งแต่ในช่วงปี 1934-1945 ศาลประชาชนได้มีการตัดสินคนให้ต้องโทษจำคุกถึง 10,980 ราย และประหารชีวิตประชาชนอีกร่วม 5,179 ชีวิตจากแต่เพียงโทษการเป็นกบฏ ซึ่งในบรรดาตัวเลขนี้เอง ก็มีเยาวชนแฝงอยู่เป็นจำนวนไม่น้อยเลยด้วย
และแน่นอนว่ากว่าที่ความโหดร้ายของศาลประชาชนของฮิตเลอร์จะจบลง มันก็ในตอนที่สงครามจบลงด้วยชัยชนะของฝั่งสัมพันธมิตรเลยทีเดียว
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น