ช่วงเวลาที่ปีใกล้จะจบลงเช่นนี้ นับว่าเป็นช่วงเวลาอันดีเลยก็ว่าได้ ที่เราจะกลับไปย้อนดูเรื่องราวที่ผ่านมาในรอบปีนี้ ทั้งเรื่องราวเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และการวิจัยในปีที่ผ่านมาเอง ก็เรียกได้ว่าเป็นหัวข้อที่น่าสนใจเอามากๆ เลยเช่นเดียวกัน
นั่นเพราะในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมานี้ เหล่านักวิจัยและนักวิทยาศาสตร์ได้ทำการวิจัยและค้นพบเรื่องราวแปลกๆ กันออกมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งทำให้เรารู้สึกได้ไม่ยาก ว่าโลกใบนี้มันช่างกว้างใหญ่เหลือเกิน
ไม่เชื่อก็ลองไปอ่านงานวิจัยสุดแปลกแห่งปี ทั้ง 5 อย่างต่อไปนี้ดูสิ
1. งานวิจัยการทำมีดจากอุจจาระ
นี่เป็นงานวิจัยที่จัดทำขึ้นเพื่อพิสูจน์เรื่องเล่าในอดีต ของชาวเอสกิโมที่ไปติดอยู่ในพายุน้ำแข็ง ดังนั้นเขาจึงทำมีดขึ้นจากอุจจาระที่แข็งเป็นน้ำแข็งของตัวเองเพื่อแล่เนื้อสุนัข
โดยภายในการทดลองครั้งนี้ หัวหน้าทีมวิจัยอย่างคุณ Metin Eren ได้ลงทุนทานอาหารแบบเอสกิโมติดต่อกันถึง 8 วันเพื่อเตรียม “วัตถุดิบ” สำหรับงานวิจัย แต่ก็ต้องพบว่ามีดของพวกเขานั้นไม่สามารถใช้แล่เนื้อได้จริงๆ เนื่องจากคมมีดมีดจะละลายไปเมื่อแตะเนื้อ
ดังนั้นพวกเขาจึงลงความเห็นกันว่าเรื่องเราของชาวเอสกิโมในอดีตนั้น ไม่สามารถทำได้จริงๆ อย่างน้อยๆ ก็ภายในการทดลอง
2. การค้นพบต้นไม้กินกิ้งก่า
มันเป็นเรื่องที่เราทราบกันว่าพืชบางชนิดนั้นมีความสามารถในการกินแมลงได้ อย่างไรก็ตามเมื่อช่วงปีที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์ได้พบความจริงที่น่าสนใจเพิ่มเติมข้อหนึ่งของพืชแบบหม้อข้าวหม้อแกงลิงที่ชื่อว่า “Sarracenia purpurea” นั้น นอกจากจะกินแมลงแล้ว มันยังสามารถกินสัตว์เล็กแบบกิ้งก่าได้ด้วย
โดยกิ้งก่าส่วนใหญ่ที่ถูกกินโดยต้นไม้เหล่านี้ จะเป็นกิ้งก่าที่ยังโตไม่เต็มที่ ซึ่งจะถูกทำให้จมน้ำ อดตาย หรือย่อยในของเหลวที่เป็นกรด ก่อนที่ตัวต้นไม้จะดูดซึมอาหารจากซากกิ้งก่าที่เน่าสลายต่อไป
3. ลิ้นของคนเรารับกลิ่นได้
นี่เป็นงานวิจัยที่ได้แรงบันดาลใจมาจากการที่ลูกชายวัย 12 ขวบของหนึ่งในนักวิจัยถามผู้เป็นพ่อว่าที่งูแลบลิ้นออกมานั้นเพื่อที่จะดมกลิ่นใช่ไหม ซึ่งทำให้นักวิทยาศาสตร์ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าลิ้นของมนุษย์เองก็อาจจะสามารถรับกลิ่นได้คล้ายๆ กัน
และเมื่อนักวิทยาศาสตร์ลองทำการวิจัย พวกเขาก็พบว่าหากลองนำเซลล์รับรสชาติ (Taste cell) ของมนุษย์ไปสัมผัสกับโมเลกุลของกลิ่น มันจะมีการตอบสนองต่อโมเลกุลของกลิ่น ไม่ต่างอะไรจากเซลล์การรับกลิ่น (Olfactory cell) ที่อยู่ในจมูกของมนุษย์เลย
ซึ่งความจริงในข้อนี้เองก็นำมาซึ่งความเป็นไปได้ที่ว่านอกจากความสามารถในการรับรู้รสชาติแล้ว ลิ้นของมนุษย์ยังอาจมีความสามารถในการรับกลิ่นด้วยนั่นเอง
4. นักวิจัย ทดลองสร้าง “เสียงใต้น้ำที่ดังที่สุด” พบดังจนทำน้ำระเหยได้
เสียงที่ว่านี้เกิดขึ้นจากการที่นักวิจัยยิงแสงเลเซอร์เอกซเรย์ใส่น้ำซึ่งยิงออกมาจากเครื่องพ่นน้ำขนาดจิ๋วในขณะที่จับภาพการทดลองไว้ด้วยกล้องความเร็วสูง ซึ่งทำให้พวกเขาพบว่าการกระทำนี้จะทำให้เกิดคลื่นสั่นสะเทือนอันทรงพลังของเสียงขึ้น และแรงมากพอจะทำให้น้ำที่ถูกยิงออกมาระเหยกลายเป็นไอในทันทีเลยด้วย
เมื่อทำการวัดระดับเสียงที่ได้มา นักวิทยาศาสตร์ก็พบว่าเสียงที่เกิดขึ้นมีความดังถึง 270 เดซิเบล ดังกว่าเสียงของระเบิดนิวเคลียร์ในระยะ 5 เมตร (ซึ่งอยู่ที่ราวๆ 250 เดซิเบล) เสียอีก
5. งานวิจัยพบ ยุงไม่ชอบเพลงของสกริลเลกซ์
นี่เป็นการทดลองสุดแปลกที่นักวิจัยได้ทำการเปรียบเทียบพฤติกรรมของยุงตัวเมียสองกลุ่มที่อดอาหารมาเป็นเวลา 12 ชั่วโมง ต่อหนูแฮมสเตอร์ที่ถูกมัดไว้ (ให้เป็นอาหาร) โดยยุงกลุ่มหนึ่งจะต้องฟังเพลง Scary Monsters and Nice Sprites ซ้ำไปซ้ำมา
พวกเขาพบว่ายุงที่ฟังเพลงของสกริลเลกซ์นั้น จะไม่หาอาหารเลยเป็นเวลาถึง 2-3 นาที หลังจากที่ปล่อยเข้าไปหาแฮมสเตอร์ เทียบกับยุงที่ไม่ได้ฟังเพลง ซึ่งพุ่งเข้าไปหาหนูแฮมสเตอร์ในเวลาเพียง 30 วินาที แถมพวกมันยังผสมพันธุ์น้อยกว่ายุงที่ไม่ได้ฟังเพลงอีกถึง 5 เท่าด้วย
นักวิทยาศาสตร์ได้อธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ตามปกติยุงทั้งตัวผู้และตัวเมียจะมีเสียงในการบินของตัวเอง และในการจะผสมพันธุ์ให้สำเร็จ ยุงตัวผู้ก็มักจะต้องปรับเสียงการบินให้เข้ากับตัวเมีย ดังนั้นการที่โดนเสียงดังรบกวนไม่ว่าจะจากแหล่งใดๆ ก็จะทำให้พวกมันไม่สามารถผสมพันธุ์ได้อย่างที่ควรเป็นนั่นเอง
ที่มา livescience
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น