อีกหนึ่งเรื่องราวที่ผู้คนเริ่มให้ความสนใจกันอย่างมาก เมื่อพลทหารคนหนึ่งได้ออกมาโพสต์เล่าประสบการณ์ส่วนตัว จากการที่ตัวเองป่วยเป็นโรคร้ายแรงมานาน แต่กลับต้องเข้ารับการคัดเลือกทหาร
เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2563 พลทหารคนนี้ได้เล่าว่า ตนเองป่วยเป็นโรคหัวใจมานานหลายปี แต่กลับต้องมาเกณฑ์ทหาร ทั้งๆ ที่แพทย์ลงความเห็นแล้วว่าให้ปลดประจำการ
พลทหารคนดังกล่าวเล่าว่า…
“สวัสดีครับ ผมไม่ได้โพสต์เฟซบุ๊กมานาน ผมมีเรื่องราวอยากจะเล่าอาจจะยาวนิดนึงนะครับ ขออนุญาตเริ่มเลยนะครับ”
“ย้อนกลับไปราว 6-7 ปีก่อน แพทย์ตรวจพบว่าผมป่วยเป็นโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ จึงได้เข้ารับการรักษาโดยการผ่าตัดสอดกล้องทำการจี้คลื่นไฟฟ้าบริเวณหัวใจ”
“หลังจากทำการรักษายังมีอาการกำเริบเป็นระยะๆ (ซึ่งในกฎหมายการที่ป่วยเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจต้องถูกละเว้นการคัดเลือกทหารเพราะเป็นโรคที่อันตรายต่อการฝึก)”
ป่วยเป็นโรคร้ายแต่กลับถูกมองข้าม…
“เมื่อครบอายุหลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัย ผมก็ได้เข้าตรวจคัดกองทหารกองเกิน พร้อมนำเอกสารใบรับรองเเพทย์และประวัติการรักษาครบถ้วน”
“ในการตรวจคัดกองปีเเรกผมยื่นใบรับรอง และถูกนำเเยกไปเป็นประเภทที่ 3 ซึ่งหมายความว่าเป็นโรคที่รักษาหายได้ภายใน 1 ปี จะต้องกลับมาทำการตรวจคัดกรองในปีถัดไป”
“ต่อมาในปีถัดมาผมก็ได้เข้ามาตรวจคัดกรองเหมือนปีก่อน ซึ่งในรอบนี้ผมตัดสินใจแล้วว่าจะจับใบดำใบเเดง เพราะไม่อยากที่จะยื่นใบรับรองเเพทย์แล้วต้องกลับมาในปีถัดไปอีก ด้วยเรื่องอายุและการงานที่ต้องรับผิดชอบ”
“ผลคือจับได้ใบเเดง ทหารเรือผลัด 4 ประจำปี 2563 ต้องเข้ารับราชการในปีถัดไปซึ่งผมมีเวลาเตรียมตัวก่อนเข้ารับราชการนาน 9 เดือน”
.
แพทย์ลงความเห็นว่าให้ปลดจากราชการทหาร…
“เมื่อถึงเวลาเข้ารับราชการทหารกองประจำการ ผมได้เตรียมเอกสารใบรับรองเเพทย์และประวัติการรักษาไปด้วย เมื่อผมได้เข้าไปอยู่ศูนย์ฝึกสัตหีบ ระยะเวลา 40 วันผมได้ยกมือทุกครั้งที่มีการถามว่าใครมีโรคประจำตัว”
“จนผมได้เข้ารับการตรวจซ้ำที่ โรงพยาบาลสิริกิติ์ เเพทย์ด้านหัวใจจึงลงความเห็นให้นำปลดเพราะเป็นโรคที่ขัดต่อการรับราชการทหาร”
.
พบเพื่อนทหารที่มีอาการป่วยร้ายแรงอีกเป็นจำนวนมาก…
“เวลา 40 วันที่อยู่ด้านในผมได้ไปอยู่กองร้อยพยาบาลซึ่งเป็นศูนย์รวมของทหารป่วย สิ่งที่ผมเจอคือมีผู้คนมากมายที่เป็นโรคร้ายเเรง เช่น วัณโรค, เอชไอวี, หอบ, พิการทางสายตา, พิการทางการเดิน, จิตเวช, กระดูกสันหลังทับเส้นประสาท, ผ่าตัดคอที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างเป็นธรรมชาติ”
“คนหลายคนอาจจะเป็นชาวบ้านที่ไม่มีความรู้เรื่องการเตรียมเอกสาร บางคนถูกเลือกมาเป็นเพราะเขตนั้นๆ ขาดกำลังพล (ยัดเงินสัสดีจนเต็ม) จึงต้องนำคนป่วยหนักมาเป็นทหาร”
“เหตุการณ์ที่เจอคือมีคนเสียชีวิตในวันเเรกหลังลงจากรถบัสเพราะป่วยหนักเเต่ต้องออกจากโรงพยาบาลมารับใช้ชาติ”
เพื่อนทหารที่มีอาการป่วยจนทานข้าวไม่ค่อยได้
แพทย์ให้ปลดมาตั้งนานแล้ว แต่ระบบกลับล่าช้า…
“ผมอยากฝากถึงหน่วยงานราชการจากเรื่องราวของผมที่เป็นประชาชนคนหนึ่งที่ถูกช่องว่างของระบบราชการไทยเล่นงานและละเมิดสิทธิความเป็นประชาชน”
“เพื่อนผมหลายคนไม่โชคดีเเบบผมที่สามารถลากลับมาเพื่อรักษาตัว เพราะหากเกิดเหตุฉุกเฉินเเพทย์ทหารไม่สามารถมีเครื่องมือช่วยชีวิตหรืออุปกรณ์การรักษาโรคหัวใจได้ทัน”
“ณ วันนี้อีกราวๆ 2 เดือนกว่าผมจะครบอายุราชการ ไม่มีหน่วยงานใดหรือฝ่ายใดตามเรื่องนำปลดซึ่งเเพทย์ได้เซ็นปลดไปเป็นเวลาราว 7 เดือน ผมเองก็ติดต่อเองทุกช่องทางอาจจะด้วยเอกสารมากมาย หรือเหตุใดก็เเล้วเเต่จึงทำให้สิทธิมนุษย์คนหนึ่งถูกมองข้าม”
ท้ายที่สุดแล้ว พลทหารหนุ่มกล่าวว่า…
“อยากเล่าให้เห็นภาพสั้นๆ ถึงชีวิตความเป็นอยู่ของพลทหารที่ป่วยหนักๆ มากกว่าผม พวกเขาไม่ได้รับการดูเเลอย่างถูกวิธีและสุขอนามัยในกรมกองต่ำกว่าสิ่งที่เขาควรจะได้รับเพื่อรักษาตัว”
“กับข้าวอาหารต่างๆ ไม่ได้สวยหรูอย่างที่เป็นข่าวที่สื่อออกทางโทรทัศน์”
“ผมเป็นหนึ่งคนที่หมดหวังกับระบบราชการไทยซึ่งไม่มีความเป็นธรรมให้กับประชาชน ง่ายๆ คือคนรวยรอดไป คนจนใช้กรรมเเทน จะให้ง่ายกว่านั้นก็คือรับเงินคนรวยนำคนป่วยหรือคนไม่มีโอกาสและฐานะการเงินเป็นเเทน”
“การทุจริตเกิดขึ้นจริงเเละวันคัดกรองผมเห็นกับตาว่าหลายคนสัสดีเดินไปหาและคนเหล่านั้นกลับบ้านหลังจากนั้น…..เท่านี้เเหละครับ”
.
.
.
เรียบเรียงโดย #เหมียวตะปู
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น