CatDumb – แคทดั๊มบ์ | เล่าเรื่องน่าสนใจให้คุณฟังง่ายๆ พร้อมคอนเทนต์พิเศษบ้างเป็นบางเวลา…

สาวขอชาวเน็ตช่วยตามหา ชายใจดีที่เคยให้จักรยานใช้ ในสมัยเป็นผู้อพยพอายุ 5 ขวบ

ในสายตาและความคิดของคนที่เป็นประชาชนในประเทศหนึ่งอยู่แล้วนั้น “ผู้อพยพ” อาจมีภาพลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะรู้สึกเห็นใจ อยากช่วยเหลือ หรือคิดว่าเป็นภาระประเทศ

แต่ถึงแม้ว่าเราจะรู้สึกอยากช่วยเหลือและเรียกร้องบางอย่างให้กับพวกเขา แต่ในฐานะที่เป็นแค่ประชาชนเราก็มีขีดจำกัดในหลายๆ อย่างเช่น ด้านกฎหมายและนโยบายของรัฐ

 

 

แต่หากเรามีใจที่อยากจะช่วยเหลือแล้วล่ะก็ เพียงแค่น้ำใจเล็กๆ ก็สามารถสร้างความสุขให้กับคนที่ระหกระเหินจากบ้านตัวเองที่กำลังเผชิญความลำบากได้แล้ว

ผู้ใช้ทวิตเตอร์คนหนึ่งชื่อว่า Mevan Babakar เองก็เคยเป็นผู้อพยพมาก่อน ในช่วงยุค 90 ตอนนั้นเธออายุแค่ 5 ขวบ และต้องอาศัยอยู่ในค่ายผู้อพยพในประเทศเนเธอร์แลนด์

 

 

ครอบครัวเธอมาจากกรุงแบกแดด ประเทษอิรัก เธอต้องเดินทางออกนอกประเทศของตนเอง อพยพมายังเนเธอร์แลนด์ตั้งแต่เล็กๆ และใช้เวลาราว 1 ปีในค่ายผู้อพยพ

วันหนึ่งในค่ายเป็นวันเกิดครบรอบ 5 ขวบของเธอ และในวันนั้นเองที่มีเจ้าหน้าที่ดูแลค่ายคนหนึ่งได้มอบของขวัญเล็กๆ แต่สุดแสนพิเศษให้กับเธอ มันคือ “จักรยาน” คันใหม่เอี่ยม

 

 

ปัจจุบัน Mevan อายุ 29 ปีแล้ว และเธอยังคงจดจำเหตุการณ์นั้นได้ไม่เคยลืม วันหนึ่งเธอจึงตัดสินใจเล่าเรื่องดังกล่าว เพื่อขอความช่วยเหลือจากชาวเน็ตให้ช่วยตามหาชายใจดีในความทรงจำคนนั้น

ปรากฏว่าชาวทวิตเตอร์ให้การตอบรับเรื่องราวของเธอเป็นอย่างดี พวกเขาช่วยกันตามหา และยังมีอดีตผู้อพยพคนอื่นๆ ที่ติดต่อเข้ามาแชร์เรื่องราวตนเองว่าได้ชายคนดีช่วยเหลือเอาไว้เช่นกัน

 

 

หลังจากทวีตกลายเป็นไวรัลและเป็นข่าวแพร่กระจายออกไป ไม่นาน Mevan ก็มาอัปเดตว่าเธอตามหาชายคนนั้นพบแล้ว และเธอยังได้เดินทางไปพบหน้าเขาหลังไม่ได้เจอกันนาน 24 ปีอีกด้วย

เจ้าหน้าที่ค่ายอพยพคนนี้มีชื่อว่า Egbert ปัจจุบันอาศัยอยู่ที่ประเทศเยอรมนี Mevan เล่าว่า Egbert บอกว่า เขาดีใจที่เธอเติบโตขึ้นมาเป็นเป็นหญิงสาวที่แข็งแรงและกล้าหาญ

 

 

และเขายังบอกอีกว่า แค่จักรยานไม่เห็นต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่เลย (ฮา) แต่เขาเองก็ดีใจมากที่มันนำพาให้เขาได้พบกับเด็กหญิงในตอนนั้นอีกครั้งหนึ่ง Mevan ได้ทวีตขอบคุณชาวเน็ตอีกครั้ง พร้อมบอกว่า…

“การกระทำเล็กๆ กลายเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้ ความใจดีของเขาจะอยู่ในใจฉันไปตลอดชีวิต และมันก็หล่อหลอมให้ฉันเป็นฉันแบบทุกวันนี้

นี่แหละคือความมหัศจรรย์ของน้ำใจ ไม่ได้ต้องเสียอะไรเพื่อแลกมา และยังสามารถเปลี่ยนชีวิตคนคนหนึ่งได้อีกด้วย”

 

เรียบเรียงโดย #เหมียวม่วง

ที่มา BoredPanda และ Twitter: @MeAndVan

Comments

ใส่ความเห็น