ต้องขอบอกเลยว่าสถานการณ์ทางการเมืองของบ้านเรา ณ ตอนนี้กำลังกลายเป็นที่สนใจของคนหลายๆ กลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่น วัยเรียน หรือวัยผู้ใหญ่เองก็ตาม
เมื่อเราพูดถึงเรื่องของ ‘การเมือง’ ก็จะมีคำศัพท์ที่เกี่ยวกับการเมืองอยู่มากมาย และจะมีอยู่คำหนึ่งที่เราจะเห็นกันอยู่บ่อยๆ นั่นก็คือคำว่า ‘ปฏิวัติ’ หลายคนอาจจะเข้าใจว่าการเปลี่ยนผู้นำแต่ละครั้งก็คือการปฏิวัติ แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่แบบนั้น
แล้วมันมีความหมายว่าอย่างไร? และควรใช้บริบทไหน? รวมไปถึงคำอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง และใกล้เคียงกัน วันนี้เรามีข้อมูลมาฝากเพื่อนๆ กันครับ
1. ปฏิวัติ

คำว่าปฏิวัติ ภาษาอังกฤษเรียกว่า Revolution ความหมายของมันก็คือ การกระทำความรุนแรงต่อโครงสร้าง ระบบ สถาบัน ฯลฯ ทางสังคมการเมือง จนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
กล่าวคือเป็นการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองทั้งระบอบ ไม่ใช่เปลี่ยนแค่ตัวผู้นำ หรือคณะรัฐบาลแต่อย่างใด
หากจะยกตัวอย่างง่ายๆ ก็ในประเทศไทยเรานี่เอง ต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่าในประวัติศาสตร์ของประเทศไทยของเรานั้นเกิดการปฏิวัติขึ้นเพียงครั้งเดียวเท่านั้น นั่นก็คือวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475
การปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475
ในครั้งนั้น มีการเปลี่ยนระบอบการปกครอง จากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช กลายมาเป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข
มีการจัดให้มีการเลือกตั้งผู้นำ และคณะรัฐบาล โดยเป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางการเมืองใหม่ทั้งระบบ
หลังจากนั้นมาก็มีเหตุการณ์ยึดอำนาจต่างๆ นานาตามที่เราได้ทราบกัน แต่นั่นไม่ได้เรียกว่าการปฏิวัติ มันคือการ ‘รัฐประหาร’ เป็นเพียงการเปลี่ยนผู้นำ หรือคณะรัฐบาลเท่านั้น
2. ปฏิรูป
คำว่าปฏิรูป ภาษาอังกฤษเรียกว่า Reform ความหมายของมันก็คือการจัดรูปแบบใหม่ หรือการปรับปรุงให้อยู่ในสภาพที่เหมาะสม
เพราะฉะนั้นนิยามของการปฏิรูปนั้นไม่ใช้การพัฒนา แต่เป็นการเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไป เพื่อให้ผลประโยชน์ทุกฝ่าย
นอกจากนี้คำว่าปฏิรูปไม่ได้ใช้แค่กับการเมืองเท่านั้น แต่ยังสามารถนำไปใช้กับสถานการณ์อื่นได้ด้วย เช่น การปฏิรูปแนวคิดทางวิทยาศาสตร์, การปฏิรูปการศึกษา เป็นต้น
3. รัฐประหาร

การรัฐประหาร หรือภาษาอังกฤษใช้คำว่า Coup d’état ที่มาจากภาษาฝรั่งเศส ความหมายของมันก็คือการใช้ความรุนแรงทางการเมืองที่เกิดขึ้นอย่างฉันพลัน โดยมีวัตถุประสงค์อยู่ที่ ‘การเปลี่ยนตัวหัวหน้ารัฐบาล’ หรือผู้ปกครองประเทศ
แล้วจัดตั้งคณะรัฐบาลชุดใหม่ที่อยู่ภายใต้ผู้ก่อการรัฐประหารขึ้นมา โดยที่รูปแบบการปกครองนั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด (กล่าวคือเปลี่ยนแค่ตัวผู้นำ กับคณะรัฐบาล)
รัฐประหารส่วนใหญ่มักจะเป็นความรุนแรงทางการเมืองที่มักจะเกิดขึ้นโดยกลุ่มทหาร เพราะมีอำนาจ กำลังพล และอาวุธอยู่ในมือ จึงเป็นองค์กรที่มีศักยภาพพอจะทำรัฐประหารได้มากที่สุด
ยกตัวอย่างเช่นในประเทศไทยของเราเองก็เป็นประเทศที่มีการรัฐประหารเกิดขึ้นมากเป็นอันดับที่ 4 ของโลก และเป็นอันดับ 1 ในอาเซียน (รัฐประหารทั้งหมด 18 ครั้ง)
การรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2557 นำโดย คสช.
ในแต่ละครั้งหลังจากยึดอำนาจเสร็จก็จะมีการเปลี่ยนผู้นำ เปลี่ยนคณะรัฐบาลแต่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองแต่อย่างใด จึงไม่เรียกว่าการปฏิวัตินั่นเอง
4. กบฎ หรือขบถ (อันนี้แถม)

คำว่ากบฎ ภาษาอังกฤษเรียกว่า Rebellion หมายถึงกลุ่มคนที่พยายามจะยึดอำนาจในการบริหารประเทศ (พยายามจะทำการปฏิวัติ หรือรัฐประหาร) แต่กระทำไม่สำเร็จ
ในแง่ของกฎหมาย คำว่ากบฎถือเป็นชื่อความผิดอาญาฐานกระทําความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร
โดยใช้กําลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กําลังประทุษร้ายเพื่อล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ หรือล้มล้างอํานาจนิติบัญญัติ อํานาจบริหาร หรืออํานาจตุลาการ หรือแบ่งแยกราชอาณาจักร หรือยึดอํานาจปกครองในส่วนใดส่วนหนึ่งแห่งราชอาณาจักร เรียกว่า ความผิดฐานเป็นกบฏ นั่นเอง
ยกตัวอย่างในบ้านเราก็จะมีเหตุการณ์กบฎเกิดขึ้นหลายครั้งเช่น กบฏบวรเดช, กบฏนายสิบ, กบฏเสนาธิการหรือกบฏนายพล, กบฏวังหลวง, กบฏแมนฮัตตัน, กบฎเมษาฮาวาย เป็นต้น
ก็หวังว่าเพื่อนๆ จะได้รับความรู้ไปไม่มากก็น้อย หากมีข้อผิดพลาดประการใดก็สามารถท้วงติงกันเข้ามาได้เด้อ พร้อมรับฟังและแก้ไขครับ
เรียบเรียงโดย #เหมียวหง่าว
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น